![]() |
ที่มา http://oknation.nationtv.tv/blog/home/blog_data/84/8084/images/kati/kati022_jhZOLYQWed45514.jpg |
"อดีตเหมือนเงาบางครั้งทอดนำทางอนาคต"
"หนูเกิดหลังเที่ยงคืน ก็เลยเป็นวัยแห่งความรักพอดี ลุงตองดีใจมาก ไม่รู้ไปหากุหลาบสีแดงมาจากไหน เต็มห้องไปหมด จนทะเลาะกับพยาบาล แต่ก็สวยจริงๆ มองไปทางไหนเห็นแต่สีแดงสลับขาว"
แม่นิ่งไปเหมือนกำลังนึกภาพห้องพักในโรงพยาบาลที่แปรสภาพกลายเป็นห้องแห่งความรักด้วยฝีมือนักจัดดอกไม้มืออาชีพอย่างลุงตอง
"ตาตั้งชื่อให้หนูว่าณกมล 'แห่งหัวใจ' ตาชอบ ณ เณร ชื่อแม่ก็มี ณ เณร ตาตั้งให้เหมือนกัน"
แม่ชื่อ ณภัทร ตาบอกว่าแปลว่า 'แห่งความดีความงาม' ดูเหมือนจะเข้ากันดีกับแม่
"ตอนนั้นตากับยายยังไม่ได้ย้ายไปอยู่บ้านริมคลองตาเห่อหนูมาก ที่จริงก็เห่อกันหมดทุกคน ลุงตองยุ่งวุ่นวายที่สุด แม่ไม่เคยเห็นลุงตองชอบเด็กคนไหนมาก่อน แต่กลับเห่อหนูมากขนาดทิ้งงานมานั่งเฝ้า แล้วเลยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับยายมาตั้งแต่ตอนนั้นเลย นี่ไงจ๊ะ รูปนี้ตัดผมไฟให้หนู ตาลงมือเขียนใส่กรอบโก้เชียว"
ดูจะเป็นวันคืนแห่งความสุขของทุกคน แม้ว่าในสายตาของคนทั่วไป ใครคนหนึ่งขาดหายไปจากภาพนี้อย่างที่ไม่มีการพูดถึง
กะทิดูเพลิน แม่เว้นจังหวะเป็นระยะเพื่อหันหน้าไปอมท่อยาวๆ ที่เชื่อมต่อกับเครี่องไบเพพ โรคเอแอลเอส ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงจนใช้งานไม่ได้ในที่สุด เครื่องไบเพพปั๊มอากาศเข้าปอดให้แม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอ เวลาหลับแม่จะสวมหน้ากาก แต่กลางวันแบบนี้แม่จะเพียงอมท่อเวลาที่รู้สึกหายใจไม่สะดวก
"ตากับยายย้ายไปอยู่บ้านริมคลองแล้ว แม่สนับสนุนเอง เพราะตาผัดผ่อนมาเกือบปีตั้งแต่ทำบ้านใหม่เสร็จ แม่รู้ว่าเป็นความฝันของตาที่จะใช้ชีวิหลังเกษียณแบบชาวบ้าน แม่ไม่มีโอกาศไปเยี่ยมบ่อยอย่างที่ตั้งใจ งานของแม่มากจนล้นมือ คนกำลังเห่อ 'อีคอมเมิร์ซ' ขายสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตไงจ๊ะ แม่จับด้านนี้มาตั้งแต่ประจำอยู่ที่ฮ่องกง มอบงานให้ใครช่วยแทบไม่ได้ ต้องคอยแก้ปัญหา เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้บริษัทต่างชาติที่มาตั้งในเมืองไทย
"แล้วแม่ก็เริ่มป่วย ทีแรกแม่ก็นึกว่าทำงานหนัก พักผ่อนไม่พอ แม่ทำของหล่นบ่อย ก้าวพลาดตกบันไดประจำทั้งที่บ้านและสำนักงาน รูปนี้แม่ทำหนูตกบันไดสะพานลอย ถลอกปอกเปิกทั้งแม่ทั้งลูก"
"แต่แม่เริ่มแน่ใจแล้วว่าตัวเองไม่สบาย แม่ลางานกลับไปอยู่กับตายายหลังจากรู้ผลตรวจแน่นอน แม่ยังนึกไม่ออกว่าจะจัดการกับชีวิตยังไง แล้วก็เกิดเรื่อง"
"ลึกๆแล้วแม่คงยังไม่ยอมรับว่าตัวเองไม่เหมือนเดิมแม่พาหนูลงเรือพายไปเที่ยวในคลอง ตากับยายไม่ทันเห็น ไม่อย่างนั้นคงห้ามเสียงแข็ง ไม่รู้เหมือนกันนะจ๊ะว่าแม่จะฟังไหม แม่อยากพาหนูไปดูต้นก้ามปูใหญ่ริมทุ่ง เราสองคนไปถึงศาลากันอย่างปลอดภัยดี หนูชอบน้ำมาก ชอบเรือ ชอบศาลา ชอบดอกผักบุ้ง เราเพลินเล่นเพลินคุยจนไม่ทันเห็นเมฆที่ตั้งเค้ามาแต่ไกล แม่ตัดสิจใจผิดซ้ำสอง แทนที่จะรออยู่ในศาลาให้ฝนตกจนหยุดแล้วค่อยกลับบ้าน แต่แม่เห็นหลังคาศาลาผุๆพังๆ ก็กลัวจะกันฝนไม่ได้ มองอีกที เมฆฝนยังอยู่อีกไกล ก็คิดว่ามีเวลาพอพายเรือพ้นทุ่ง ถ้าไปไม่ถึงบ้านก็จะแวะหลบฝนที่บ้านหลังแรกริมคลองที่ไปถึง"
"แม่ลนลานเก็บของใส่ตะกร้า สวมหมวกให้หนู จูงหนูลงบันได ลมพัดแรงขึ้นทุกที เรือไม่อยู่นิ่ง โคลงเคลงไปมา แม่วางหนูบนเรือ แล้วหันไปปลดเชือกล่ามเรือ แต่มือของแม่... แม่ยิ่งรีบก็ยิ่งงุ่มง่าม แม่ก้าวขึ้นจากเรือไปแก้ปมเชือกให้ถนัด พอเชือกหลุดจากหลักก็กลุดจากมืิอแม่ด้วยแม่ตกใจรีบคว้าไม้พายเพื่อยึดเรือไว้ แม่กะจังหวะผิดหมดของง่ายๆ แม่ก็ทำไม่ได้ แล้วเรือก็ลอยห่างจากท่าตามระลอกคลื่นในน้ำ เรือที่มีหนูนั่งอยู่คนเดียว"
"แม่พยายามกุมสติ ร้องบอกให้หนูนั่งนิ่งๆ แม่กลัวว่าหนูจะตกใจ ลุกขึ้นโผมาหาแม่แล้วเรือจะล่ม แม่รู้แล้วว่าตััวเองไม่อยู่ในสภาพเหมือนก่อน แม่ไม่มีทางกระโดดลงน้ำไปอุ้มหนูขึ้นมาได้ แต่ไม้พายที่แม่พยายามยืนจนสุดแขนไปยึดเรือกลับมาทำได้แค่แตะถูกตัวเรือ แล้วไม้พายก็หลุดมือหล่นน้ำไปอีก แม่เหมือนบ้า ฝนเทลงมาเหมือนฟ้ารั่ว แม่ร้องตะโกนแข่งกับเสียงฟ้าให้หนูนั่งนิ่งๆ แม่ไม่รู้จริงๆว่าจะทำยังไงดี แม่ร้องไห้แข่งกับฝน โกรธตัวเอง โกรธฝน โกรธฟ้า ที่สำคัญคือ กลัวจนเหมือนหัวใจหยุดเต้น แม่ร้องโหยหวนใครก็ได้ช่วยที ช่วยลูกของแม่ด้วย แม่ตะเบ็งจนสุดเสียง ทั้งๆที่ีรู้ว่าไม่มีทางที่ใครจะได้ยิน ต่อให้ไม่มีเสียงฝนฟ้าคะนองแบบนี้"
"แล้วแม่ก็สวดมนต์อยู่ในใจ ทุกคาถาที่ยายเคยสอนเท่าที่นึกได้ สวดมนต์แล้วก็อธิธฐาน จะเรียกว่าบนบานก็ได้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าอภินิหารมีจริง ขอให้ลูกของแม่ปลอกภัย แม่ยอมแลกทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ คนทั่วไปคงอธิษฐานเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก แต่ชีวิตของแม่คงแลกอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ในเมื่อแทบจะไม่มีเหลืออยู่แล้ว ฟ้าผ่าเปรี้ยงเหมือนรับรู้เมื่อแม่อธิษฐานว่า ถ้าลูกปลอกภัย แม่จะไม่แตะต้องตัวลูกอีกเลย แม่จะไปให้ไกลจากลูก ไม่ทำให้ลูกต้องตกอยู่ในอันตรายอีกแล้ว"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น