บ้านชายทะเล
![]() |
ที่มา http://p3.isanook.com/ca/0/ud/275/1375401/2.jpg |
"นานหลายปีทีเดียวที่กะทิไม่ได้พบแม่"ดอกสีแดงของต้นหางนกยูงสองข้างทางผ่านตาไปอย่างรวดเร็วรถคลื่อนที่ไปข้างหน้าเหมือนลอยไปในอากาศ ในตัวของกะทิเบาโหว่งเหมือนกล่องเปล่า ทั้งๆที่ตลอดสองวันที่ผ่านมา หัวใจเต้นรัวถี่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เหตุการณ์หลังจากคำถามในห้องพระเหมือนเกิดขึ้นกับคนอื่น เหมือนกะทิมองดูตัวเองเคลื่อนไหวโต้ตอบ กะทิเห็นตาเดินเข้ามาในห้องพระ ดึงกะทิไปกอดไว้ และพูดกับกะทิช้าๆ บอกกะทิว่า แม่ป่วย ป่วยมาก ไปรักษาตัวมาหลายแห่งแล้ว แต่ไม่หาย
น้าฎาเป็นคนขับรถมารับกะทิและตากับยาย ตาให้กะทิตัดสินใจเองว่าจะไปหาแม่หรือไม่ไป ตาส่ายหน้าเหมือนไม่แน่ใจเมื่อพูดว่า ที่ผ่านมาคนอื่นๆคิดแทนกะทิมาตลอดครั้งนี้กะทิเลือกได้
ในรถเย็นฉ่ำ แสงแดดภายนอกแรงกล้าขึ้นทุกที ครอบครัวเราออกเดินทางกันแต่เช้า รถแล่นมาบนถนนสายใหญ่ ชะลอเมื่อถึงด่านเก็บเงิน และเร่งความเร็วเมื่อขึ้นบนถนนลอยฟ้าที่วกวนซ้ายขวาเหมือนรถไฟเหาะในสวนสนุกขณะแทรกผ่านหมู่ตึกสูง ป้ายโฆษณาเข้าแทนที่ทิวทัศน์ธรรมชาติ กะทิดูเพลินและนึกชมน้าฎาว่าขับรถเก่ง และราวเพียงอึดใจรถก็กลับลงบนถนนที่วิ่งออกนอกเมืองอีกครั้ง กะทิเผลอหลับไป และลืมตาตื่นมาพบกับสีแดงเพลิงของดอกหางนกยูง
รถวิ่งลงใต้ ซ้ายมือเป็นทะเลและหาดทราย ขวามือเป็นทิวเขาที่เห็นอยู่ไกลๆ เสียงตากับยายพูดคุยเบาๆอยู่เบาะหลัง น้าฎาพูดโทรศัพท์มือถือเป็นระยะ ฟังแล้วกะทิก็รู้ว่าอีกไม่ไกลกะทิก็จะพบแม่
ตาเรียกต้นหางนกยูงว่า "เพลิงแห่งพนาไพร" กะทิเพิ่งรู้ว่าชื่อเต็มๆ คือหางนกยูงฝรั่ง ถ้าเป็นต้นหางนกยูงพันธ์ไทย ดอกจะมีหลายสี ทั้งเหลือง ชมพู และแดง ไม่ใช่แดงอมส้มอย่างที่เห็นเต็มตาอยู่ในตอนนี้ กะทิชอบที่ต้นหางนกยูงขึ้นเรียงเป็นระเบียบ ตาบอกว่าสมัยก่อนมีมากกว่านี้อีก ตอนสร้างสนามบินถูกโค่นทิ้งไปเยอะ น้าฎาคงเห็นกะทิชะเง้อคอมองดอกสีแดงๆ จึงจอดรถที่ศาลาริมทาง ตาชอบใจว่าได้ยืดแข้งยืดขา ยายยกตะกร้าของขบเคี้ยวลงมาด้วย ต้นไม้แถวนี้ดูแปลกตากว่าแถวบ้านที่กะทิจากมา มีกลิ่นไม่คุ้นจมูกแทรกอยู่ในบรรยากาศ กะทิเดาเอาเองว่าเป็นกลิ่นน้ำเค็ม
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเบาๆ แต่ก็ทำทุกคนนิ่งชะงัก น้าฎาพูดค่อยๆว่า จะไปกันเดี๋ยวนีี้เลย เป็นครั้งแรกที่กะทิเห็นตาจูงมือยาย ยายบีบหูตะกร้าจนข้อนิ้วเป็นสีขาว ปลายนิ้วของน้าฎาเย็นจัดเมื่อสัมผัสอุ้งมืออุ่นๆของกะทิ กะทิก้มลงเก็บสิ่งเล็กๆของหางนกยูงจากพื้นใกล้ตัว ดอกสีแดงยังพอมีกลีบสวยงามให้เห็น กะทิจะเอาไปฝากแม่
รถจอดหน้าบ้านหลังเล็กสีขาวสะอาดตา ตัดกับกรอบหน้าต่างสีฟ้าสด ไม่มีใครต้องบอก ไม่มีใครต้องสั่ง กะทิเปิดประตูรถและปล่อยให้หัวใจนำทาง
แม่พรมจูบกะทิซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมนุ่มยาวของแม่หอมชื่นใจ เสียงของแม่ที่กะทิจำได้ดังอยู่ที่ริมหู
"กะทิลูกแม่ กอดแม่แน่นๆซิจ๊ะ ลูกรัก"
ไม่ต่างกันตรงไหนที่แม่กอดกะทิหรือกะทิกอดแม่น้ำตาจากความดีใจไหลรินรวมกัน กะทิกางแขนกอดแม่อย่างที่ฝันไว้ กอดแม่แทนคำว่ารักจากใจ แทนคำว่าเข้าใจที่ต้องแยกห่าวจากกัน แทนคำว่าคิดถึง นานเท่าไหร่ไม่รู้กว่ากะทิจะปล่อยแขนจากแม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น